ในปี 2567 เทรนด์แฟชั่นจะมีความโดดเด่นและไม่เหมือนใคร โดยผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เทรนด์ที่โดดเด่นได้แก่:
แฟชั่นแบบ Y2K: เทรนด์นี้หยิบเอาแฟชั่นจากช่วงปลายยุค 90 ถึงต้นยุค 2024 กลับมาอีกครั้ง โดยผสมผสานเข้ากับความทันสมัยในปัจจุบัน ไอเท็มยอดนิยม ได้แก่ เสื้อผ้าลายดอก เสื้อผ้าขนสัตว์ กางเกงเอวต่ำ และผ้าเชือกผูกผม
แฟชั่นแบบ Cottagecore: เทรนด์นี้ได้แรงบันดาลใจจากความเรียบง่ายของวิถีชีวิตชนบทในอดีต โดยเน้นการใช้เสื้อผ้าสีพาสเทล ผ้าลายดอก และดีไซน์แบบโบฮีเมียน
แฟชั่นแบบ Maximalism: เทรนด์นี้ตรงกันข้ามกับมินิมอลลิสม์ โดยเน้นการใช้สีสันที่สดใส ลวดลายที่ซับซ้อน และดีไซน์แบบโอเวอร์ไซส์ เพื่อสร้างลุคที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร
แฟชั่นแบบ Athleisure: เทรนด์นี้ผสมผสานระหว่างเสื้อผ้ากีฬาและเสื้อผ้าลำลองเข้าด้วยกัน สร้างลุคที่ทั้งสะดวกสบายและดูมีสไตล์ เหมาะสำหรับการแต่งตัวในชีวิตประจำวัน
แฟชั่นแบบ Eco-Friendly: เทรนด์นี้เน้นการใช้เสื้อผ้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบต่อโลก โดยมีการนำเสื้อผ้าเก่ากลับมาใช้ใหม่ หรือการเลือกใช้เสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าออร์แกนิก
แฟชั่นแบบ Genderless: เทรนด์นี้ลบล้างขอบเขตทางเพศ โดยเน้นการเลือกเสื้อผ้าตามความชอบส่วนตัวและไม่จำกัดอยู่แค่เพศใดเพศหนึ่ง เสื้อผ้าที่เป็นตัวแทนของเทรนด์นี้ ได้แก่ เสื้อเชิ้ตหลวมๆ กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ
แฟชั่นแบบ Sustainable: เทรนด์นี้เน้นการผลิตเสื้อผ้าที่คำนึงถึงความยั่งยืน โดยพิจารณาตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง จนถึงการกำจัดเสื้อผ้าเก่า โดยมีการใช้วัสดุรีไซเคิล วัสดุธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย
เทรนด์แฟชั่นในปี 2567 จะสะท้อนถึงความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์ของผู้คน โดยเน้นการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงและไม่กลัวที่จะแหวกแนว
